วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2550

พม่าวิกฤต/ ระวี ภาวิไล


พม่าวิกฤต
ระวี ภาวิไล


เหตุการณ์ ความร้ายกาจ รุนแรงในประเทศพม่า ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดี จากข่าวที่แพร่ไปทั่วโลก เรื่องนี้ ยังไม่มีท่าทีว่าจะยุติลงโดยง่าย พระสงฆ์และประชาชนพม่า กำลังถูกเข่นฆ่ากะทำทารุณ ในทุกรูปแบบอย่างป่าเถื่อน นานาชาติทั่วโลก ทักท้วงประท้วงพฤติกรรมเลวทราม ต่ำจากมาตรฐานคุณธรรม ของมนุษย์
เราชาวไทยสมควรร่วมกันพิจารณาว่า ควรมีมาตรการอย่างไรเพื่อช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ก็ควรจะทบทวนถึงบทบาทของพระสงฆ์พม่า เปรียบเทียบกับพระสงฆ์ไทย ซึ่งการนี้จำเป็นต้องระลึกถึงประวัติศาสตร์การเมืองของพม่า เปรียบเทียบกันไทยด้วย
พม่าแพ้สงครามถูกอังกฤษเข้าปกครอง อังกฤษทำลายระบบกษัตริย์ แต่ปล่อยให้คณะสงฆ์พม่าดำเนินการเป็นอิสสระ
ประชาชนพม่าหันไปยึดคณะสงฆ์เป็นที่พึ่ง ทั้งในความเป็นผู้นำทางนโยบายทางสังคมและทางคุณธรรมประจำใจ
ภิกษุสงฆ์พม่า พัฒนาไตรสิกขา เถรวาทโดยปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแข็งขัน เป็นที่ประจักษ์ และอบรมฆราวาสไปด้วย
พุทธศาสนิกชนไทยที่ติดตามศึกษาธรรมและติดต่อกับเพื่อนชาวพม่า รวมทั้งชาวชาติตะวันตกรู้ความข้อนี้ดี
ความรุนแรงร้ายกาจในพม่าปัจจุบัน จึงได้รับความเอาใจใส่ และเกิดปฏิกริยาร่วมที่จะช่วยเหลือทั้งภิกษุและฆราวาสพม่า ให้พ้นจากความทุกข์
และให้ประเทศพม่า เปลี่ยนไปสู่ระบอบปกครองที่ประชาชนมีอิสระเสรีภาพสมบูรณ์
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษปลดปล่อยให้อิสระเสรีภาพ ที่ตนเคยปกครอง ซึ่งพม่าก็รวมอยู่ด้วย และได้มีการเลือกตั้งเพื่อมุ่งหน้าสู่การปกครองแบบประชาธิปไตย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องในช่วงต่อมา อาจวิเคราะห์ได้ว่า ความคิดเห็นทางการเมืองแตกแยกเป็นสองพวก คือประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตย และทหารที่ต้องการใช้อำนาจเผด็จการ
เมื่อการเลือกตั้งลงคะแนนมีผล แม้ปรากฏว่าฝ่ายประชาชน ซึ่งผู้นำคือ นางอองซานซูจีชนะ ฝ่ายทหารก็ใช้กำลังยึดอำนาจและคุมขังอองซานซูจี แล้วดำเนินการตั้งรัฐบาลทหาร
ต่อมาปี ๒๕๓๑ นักศึกษาพม่าประท้วง รัฐบาลทหารพม่าปราบอย่างรุนแรง มีคนตายเป็นเรือนพัน นักศึกษาประชาชนหนีภัยข้ามแดนไปประเทศใกล้เคียง จำนวนหนึ่งเข้ามาลี้ภัยในประเทศไทย
มาถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา พระสงฆ์พม่าทั่วประเทศ เดินขบวนประท้วงพร้อมกันหลายแห่ง มีนักศึกษาประชาชนเข้าร่วมด้วยมากมาย
จึงถึงขั้นที่จะตอบคำถาม
คำถาม : พระสงฆ์ไทยกับพระสงฆ์พม่าเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร
คำตอบ : เป็นสงฆ์เถรวาท มีการศึกษาสาม คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ทั้งทางปริยัติ และปฏิบัติอย่างเดียวกัน
พระสงฆ์พม่าได้รับนับถือจากประชาชนเป็นผู้นำทางสังคมและทางคุณธรรมดังได้กล่าวถึงแล้ว
ข้อนี้แตกต่างจากในประเทศไทยที่สงฆ์ไทยไม่ได้เป็นผู้นำทางสังคม

คำถาม : ทำไมพระพม่าจึงต้องออกมาเดินขบวนประท้วง ประท้วงอะไร
คำตอบ : เพราะชาวพม่ามีความทุกข์ จึงออกมาประกาศให้ผู้ทำให้เกิดทุกข์รับรู้และหยุดการกระทำ

คำถาม : พระสงฆ์พม่าออกมาประท้วงรัฐบาลพม่า เหมาะสมถูกต้อง เป็นกิจของสงฆ์ไหม
คำตอบ : ตามเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น เป็นการประกาศให้รับรู้ความทุกข์ และให้หยุดการกระทำต่อ
ประชาชนที่มุ่งพึ่งสงฆ์

คำถาม : ประชาชนพม่ามีเรื่องอะไรเดือดร้อน จนพระต้องออกมาประท้วง
คำตอบ : ปัญหา ความขาดแคลนอุปโภคบริโภค, การกดขี่ข่มเหง, ความไม่ยุติธรรม, ความไม่ปลอดภัยต่อ
ชีวิตและทรัพย์สิน ฯลฯ

คำถาม : อาจารย์คิดว่าชาวพุทธในไทยควรจะอนุโมทนา หรือควรจะตำหนิการกระทำของสงฆ์ในครั้งนี้
คำตอบ : ควรอนุโมทนา

คำถาม : ชาวพุทธไทยควรมีท่าที และทัศนะอย่างไร ต่อพระสงฆ์พม่าที่ถูกปราบปรามโดยรัฐบาลทหาร
พม่าขณะนี้
คำตอบ : เห็นด้วย เห็นใจ หาทางช่วยเหลือทุกทาง

คำถาม : ถ้าเมืองไทยมีสถานการณ์เช่นในพม่า อาจารย์คิดว่า พระสงฆ์ไทย ควรจะมีบทบาทอย่างไร ทำไม
คำตอบ : สถานการณ์เช่นในพม่าไม่น่าจะเกิดในเมืองไทยได้ เพราะประวัติศาสตร์ความเป็นมาแตกต่างกัน
พระสงฆ์ไทยไม่จำเป็นต้องมีบทบาท เช่นพระสงฆ์พม่า

คำถาม : อาจารย์คิดว่า พระสงฆ์ไทยในขณะนี้ควรมีบทบาทและหน้าที่อย่างไรต่อพระสงฆ์พม่า
คำตอบ : หาทางติดต่อ แสดงความเห็นใจ อนุโมทนาในบุญที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ได้รับทุกข์

คำถาม : พระสงห์ไทยเงียบเพราะอะไร กำลังทำอะไร หรือไม่
คำตอบ : ตามข่าวที่ปรากฏ กำลังเผชิญและแก้ปัญหาภายในประเทศเฉพาะหน้า เช่น กรณีศิลปกรรม
“ภิกษุสันดานกา” เป็นต้น ฯลฯ

คำถาม : การเข่นฆ่า ปราบปรามพระสงฆ์พม่า ถือว่าเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาไหม เพราะเหตุใด
คำตอบ : พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนแสดงกฎธรรมชาติที่ไม่มีวันตาย ทำลายไม่ได้ด้วยการกระทำใดๆ
พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ถูกเข่นฆ่าทารุณหลายครั้งในประวัติศาสตร์โลก แต่กฎธรรมชาติซึ่ง
เป็นแก่นพุทธศาสตร์จะอยู่ไป ส่วนคนโง่เขลาจะเวียนว่ายตายเกิดเสวยผลกรรมเป็นเวลายาวนาน

มติของชาวพุทธเถรวาททั่วไป อาศัยบันทึกในพระไตรปิฎกเถรวาท ประกอบกับคำอธิบายขยายความโดยคัมภีร์อรรถกถา และขยายความต่อโดย คัมภีร์ฎีกา และอนุฎีกา สืบต่อด้วยอัตโนมัติของอาจารย์รุ่นหลังตามลำดับ เนื้อความสำคัญ แสดงวงจรการเวียนตายเวียนเกิดข้ามภพข้ามชาติที่เรียกว่าสังสารวัฏของบุคคล โดยอำนาจของความโง่เขลา ที่เรียกว่าโมหะ หรืออวิชชา ทั้งนี้เป็นการตกอยู่ในห้วงทุกข์ เพราะอวิชชาเป็นเหตุให้เกิดความคิดยึดติดถือมั่นอยู่กับสิ่งที่เป็นที่พอใจ แล้วเกิดความโลภอยากครอบครองไว้แต่ผู้เดียว เกิดความโกรธอาฆาตพยาบาท เมื่อถูกแย่งชิง
ตามคัมภีร์เถรวาท สัตวโลกใน ๓๑ ภพภูมิล้วนเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย แต่ละช่วงชีวิตสถานภาพจะอยู่ในภพภูมิที่เป็นสุขหรือทุกข์ ผู้ได้เกิดเป็นมนุษย์นับว่าเป็นผลจากกรรมดีในอดีต แต่ถ้าหากมาประกอบกรรมชั่ว เบียดเบียนฆ่าฟันถึงขั้นพระสงฆ์ ก็เป็นที่แน่นอนว่าจะต้องเกิดชดใช้กรรมนั้นยืดยาวนานในอบายแน่นอน จึงควรเป็นผู้น่าสงสาร และช่วยให้สำนึกหยุดทำ

๘ ตุลาคม ๒๕๕๐

ไม่มีความคิดเห็น: